เมื่อช่วงสิ้นปี 2559 และต้นปี 2560 เราได้มีโอกาสเข้าไป กราบพระบรมศพ ณ พระบรมมหาราชวัง มีความรู้สึกสองอย่างในคราวเดียวกัน คือ ทั้งปลาบปลื้มใจเป็นบุญที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา เพราะว่าครั้งนี้ได้ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุดแล้ว และอีกความรู้สึกหนึ่งเป็นอารมณ์เศร้า หดหู่ รับรู้ได้ว่าความสูญเสียครั้งนี้มันหนักหนาสำหรับประเทศไทยแค่ไหน เราเลยอยากมาเล่าประสบการณ์ บอกต่อเรื่องราวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว การปฏิบัติตนในระหว่างรอคิว ไปจนถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้ กราบพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศในหลวงรัชกาลที่ 9
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ขั้นตอนการเตรียมตัว
อย่างแรกที่ต้องเตรียมก่อน คือ เราจะต้องหาวันว่าง ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา เสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน สำหรับวันธรรมดา แน่นอนว่าคนน้อยกว่าวันหยุด แต่ก็มีผู้คนจากต่างจังหวัดมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ควรคิดว่ารอคนน้อยก่อนแล้วค่อยไป เพราะว่าไม่มีวันไหนที่คนจะน้อยเลยนะ เยอะทุกวัน โดยในวันธรรมดายอดเฉลี่ยคนที่เข้า กราบพระบรมศพ นั้นอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นคน ส่วนวันหยุดจะอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่น – 6 หมื่น และในช่วงวันหยุดขึ้นปีใหม่นั้น เราก็นึกว่าคนจะหยุดเที่ยวกัน แต่ที่ไหนได้คนเยอะทุบสถิติไปถึง 7 หมื่นกลางๆ เลยทีเดียว
ของใช้ที่จำเป็น
- บัตรประชาชน ก่อนเข้าเจ้าหน้าที่จะให้ยกบัตรประชาชนเพื่อแสดงตัวก่อนเข้าบริเวณสนามหลวง
- ร่ม อุปกรณ์กันแดด ตอนช่วงเดินเข้าวัง และช่วงกราบเสร็จแล้ว อาจจะต้องเจอกับแสงแดดที่ร้อน หรือบางวันฝนตกก็มี ถึงแม้จะมีให้ยืมใช้ แต่ก็แค่เพียงช่วงที่เดินเข้าพระบรมมหาราชวัง และต้องคืนก่อนเข้าวัง พกไว้ติดตัว อย่างน้อยตอนออกมาก็ยังได้ใช้
- ทิชชู่แผ่น & ทิชชู่เปียก อันหลังนี่สำคัญเวลาเข้าห้องน้ำ โดยเฉพาะกับคุณผู้หญิง
- พาวเวอร์แบงค์ & สายชาร์จ
- ยาดม ยาอม
- ของกิน อาหาร เครื่องดื่ม มีแจกบริเวณรอบๆ ไม่จำเป็นต้องเตรียมไปก็ได้
- สรุปแล้วเตรียมของไปให้น้อยที่สุด เพราะจะได้ไม่เป็นภาระ ไม่หนักเกิน เดินสะดวก ลุกนั่งสบาย
เตรียมร่างกายให้พร้อม
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- แต่งตัวให้ถูกกาละเทศะ ประชาชนในแต่ละวันค่อนข้างเยอะ เจ้าหน้าที่กวดขันให้หมดคงไม่ไหว เพราะฉะนั้นอยู่ที่จิตใต้สำนึกของแต่ละคนว่าควรแต่งตัวอย่างไรให้ถูกต้องตามระเบียบที่ทางสำนักพระราชวังได้กำหนดไว้
- ผู้ชายใส่เสื้อมีปกสีดำ ลวดลายให้น้อยที่สุด กางเกงขายาวสีดำ สุภาพ งดยีนส์ เอาเสื้อใส่ในกางเกง รองเท้าหุ้มส้นสีสุภาพ ไม่ฉูดฉาด
- ผู้หญิงใส่กระโปรงยาวคลุมเข่า เสื้อสีดำ ไม่รัดรูป รองเท้าหุ้มส้นสีสุภาพ
- นิสิต นักเรียน นักศึกษา แต่งตัวตามระเบียบสังกัดของตัวเอง
- เชื่อฟังเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด! ข้อนี้สำคัญมากนะ
การเดินทาง
- รถสาธารณะ: มีบริการรถรับส่งฟรีตามจุดต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ทั้งหน่วยงานจากรัฐและเอกชน ใครใกล้จุดไหนให้สอบถามข้อมูลกันได้เลยนะ เพราะข้อมูลในอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ไม่ค่อยอัพเดทเป็นปัจจุบันสักเท่าไหร่ หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1348
- รถแท็กซี่: วิธีนี้น่าจะสะดวกสุดสำหรับคนในกทม. และปริมณฑล ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถ
- รถส่วนตัว: จอดรถไว้ได้ที่จุดจอดต่างๆ แล้ววนั่งแท็กซี่ต่อมา ได้แก่ โรงปูนถนนกำแพงเพชร 2, 5 และ 6 ภายในสนามม้านางเลิ้ง ใต้สะพานพระราม 8 แยกสวนมิสกวัน-แยกวังแดง แยกประชาเกษม-แยกมัฆวาน แยกมหากาฬ-แยกวันชาติ จากสตรีวิทยา-แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ (ส่วนตัวเคยไปจอดสนามม้านางเลิ้ง ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
- รถเหมาแบบหมู่คณะ: มากันเป็นแบบหมูคณะ สะดวกสุด มีรถรับส่งถึงที่ เพื่อนเยอะ ไม่เหงาด้วย ฮ่าๆๆ ส่วนใหญ่รถจะจอดบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
ที่จอดรถสนามม้านางเลิ้ง ไม่เสียค่าใช้จ่าย เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
กราบพระบรมศพ เริ่มจากตรงไหน? ควรไปกี่โมงดี?
จากประสบการณ์ตรง เรามีโอกาสได้ไป 2 ครั้ง ครั้งแรกเริ่ม 05:00 – 12:00 น. และครั้งที่สอง 04:00 – 06:00 น. ครั้งที่สองเร็วมาก ใช้เวลาไปเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ต่อไปนี้จะเป็นเล่าพร้อมภาพประกอบแบบช็อตต่อช็อตให้ได้รับชมกัน
เริ่มต้นด้วยทางเข้าจะแบ่งเป็นสองทางตามภาพประกอบด้านบน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มาจากต่างจังหวัด มักจะเดินเข้าทางหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ คนจะเยอะและค่อนข้างแออัด สำหรับใครที่อยากหลีกเลี่ยงคนเยอะๆ แนะนำว่าให้ไปเดินเข้าที่ประตูข้าง ม.ธรรมศาสตร์ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่นะ ขึ้นอยู่กับจังหวะมากกว่า เราไปสองครั้งก็เข้าที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ทั้งสองครั้ง
บรรยากาศบริเวณหน้าโรงแรม ผู้คนหนาแน่น เคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ วันนี้ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง คนเยอะมากจริงๆ
เดินตามกันไปเรื่อยๆ ถ้างงๆ ให้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าปลายแถวอยู่ตรงไหน แล้วเราก็เดินไปต่อเลยจ้า เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดตรวจอาวุธ และบัตรประชาชน ให้เราเปิดกระเป๋ารอให้เรียบร้อย จะได้ไม่เสียเวลา
เดินรอบสนามหลวงเพื่อเข้าไปนั่งเต็นท์
มากับใครเกาะไว้ให้แน่นๆ ถ้าโชคดีมาเร็ว คนไม่เยอะ จะได้เข้าไปนั่งรอในเต็นท์เลย แต่ถ้าคนเยอะ เราจะต้องเดินรอบสนามหลวง ชมต้นมะขามหนึ่งรอบถึงจะได้เข้าเต็นท์
คิวด้านหน้าประตูวิเศษไชยศรี
แผนที่พระบรมมหาราชวัง
คิวก่อนหน้านั่งรอเตรียมตัวเข้าวังแล้ว ถือว่าไวเลยทีเดียว
ถึงจุดบริเวณเข้าไปยังเต็นท์ ก็จะตามลำดับ ใครมาก่อนก็จะได้นั่งเต็นท์ ก ข ค ง ตามลำดับไปเรื่อยๆ ส่วนเราได้นั่งเต็นท์แถว ช
จาก 05:00 ได้นั่งประมาณ 6:15 จากนั้นก็เดินหาอะไรรองท้อง ถ้าเริ่มเช้านิดๆ ก็จะมีของมาแจก น้ำดื่ม โจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวแกง โอวัลติน
ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ที่ใช้รถเข็น
ห้องน้ำสำหรับผู้ชายเพียงพอ แต่สำหรับผู้หญิงต้องรอกันหน่อย ถ้าไม่อยากรอนาน เดินเข้าไปคันหลังๆ คนไม่เยอะเท่าไหร่
ถ้าจะออกจากเต็นท์ไปเดินบริเวณรอบๆ สนามหลวง จะต้องปั้มแขน หรือนิ้วด้วยนะ เวลาเข้ามาใหม่เจ้าหน้าที่จะได้ทราบว่าเป็นคนจากข้างในเต็นท์ วิธีนี้กันคนโมเม เนียนเข้ามาในเต็นท์ได้ดี
ระหว่างรอก็มีจอทีวีให้ดูพิธีการถวายภัตตาหารเช้า
ยาอม ยาดม ยาหม่อง เจ้าหน้าที่คอยให้บริการอย่างยิ้มแย้ม และเมื่อทานอาหารเสร็จแล้วอย่าทิ้งไว้แถวที่นั่งเด็ดขาด ให้เดินไปทิ้งตรงถังขยะ หรือไม่ก็รอจิตอาสามาเก็บขยะ
รออยู่นานจนถึงประมาณ 09:45 ก็ได้ลุกเดินเตรียมตัวเข้าพระบรมมหาราชวังแล้ว เต็นท์สุดท้ายก่อนเข้าวัง โดยในครั้งแรก เราได้เข้าที่ประตูมณีนพรัตน์ ซึ่งหลังจากเข้าไปแล้วต้องเดินวนรอบผนังวัดพระแก้ว และติดพิธีถวายภัตตาหารเพลอีก ทำให้ล่าช้าไป กว่าจะได้เดินไปถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทก็ประมาณ 11:30 น.
หลังจากนั้นก็ต้องปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด งดถ่ายรูป สำรวม และเคารพต่อสถานที่ ให้เราตระหนักว่า เราว่างานศพพระมหากษัตริย์นะ ระลึกอยู่ในใจเสมอ และเมื่อถึงเวลาได้เข้าไปภายในให้เราตั้งจิตอธิฐาน มีอะไรอยากบอกกับพระองค์ให้บอกตรงนี้ล่ะ เพราะจุดนี้เป็นจุดที่ได้ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุดแล้ว
ทางเข้าประตูวิเศษไชยศรี
ในส่วนครั้งที่สอง เรามาถึงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ประมาณ 04:00 น. จากนั้นแถวก็เริ่มเดินอย่างรวดเร็ว ไม่นาน 4:40 น. ก็ได้ไปนั่งที่เต็นท์ ก แล้ว ถือว่าไวมาก และได้เข้าวังเวลาประมาณ 5:30 น. โดยเดินเข้าที่ประตูวิเศษไชยศรี หน้าเต็นท์รอคอยจุดสุดท้าย ไม่ต้องไปเดินรอบผนังวัดพระแก้วดังเช่นครั้งแรก
หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท (ภาพจากการไปครั้งที่สอง)
ต่อมาเวลาประมาณ 5:50 น. เราก็ได้เข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว เสร็จสรรพเวลารวมแล้วสองชั่วโมงนิดๆ ถือว่าเร็วมากๆ
สรุปแล้ว ถ้าไม่อยากรอคิวนานให้ไปเข้าคิวประมาณ 4:00 น. กำลังดี หรือไม่ก็ไปช่วงเย็น ช่วงหัวค่ำ คิวจะเหลือไม่เยอะแล้ว แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเวลาไปกี่โมงก็แล้วแต่สะดวกของแต่ละคนเลย
อาหารจากจิตอาสา
ทุกคนมารอคอยด้วยความเต็มใจ อาหารและเครื่องดื่มจากจิตอาสามากมาย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ปาท่องโก๋ ข้าวผัด ข้าวแกง ชา โอวัลติน และอีกหลายประเภท เลือกทานได้ตามใจชอบ อิ่มแล้วอย่าลืมเก็บทิ้งลงถังขยะให้เป็นระเบียบด้วยนะ
ความรู้สึกหลังจากได้ กราบพ่อหลวง
นับว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีคุณค่ามากๆ เราไม่รู้จะอธิบายกลั่นกรองเป็นตัวอักษรอย่างไรให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ มีความตื้นตันปนกับความเศร้าโศกของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ แนะนำว่าต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วคุณจะรับรู้ได้ถึงความรักที่ลูกกว่าเจ็ดสิบล้านคนมีให้กับพ่อคนเดียวกัน
ลูกรู้ พ่อมอง ลูกอยู่
ลูกจะสู้ ให้พ่อเห็น ว่าลูกนี้
จะจดจำ ทำตามพ่อ ทั้งชีวี
เป็นคนดี ดังพ่อสอน ไม่คลอนแคลน