Tag Archives: ร้านอาหารเขาใหญ่

จ้ำเข่า เขาใหญ่ อาหารอีสานสไตล์คาเฟ่ได้มิชลิน

อาหารอีสานท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น แถมล่าสุดถูกจัดให้อยู่ในลิสต์ของมิชลินไกด์ปีล่าสุด (MICHELIN Guide 2023) อีกด้วย จ้ำเข่า เขาใหญ่ จะบอกว่าเป็นคาเฟ่ก็ไม่ผิด เพราะถึงแม้จะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ตกแต่งได้สวยงามน่านั่ง ด้านข้างเป็นลำธารเล็ก ๆ เน้นชูโรงอาหารอีสานในรสชาติแบบต้นฉบับ ตำหลวงพระบาง ไก่ย่าง ตำข้าวโพดไข่กุ้ง ผัดหมี่โคราช และข้าวเหนียว 3 สีโดยใช้สีจากธรรมชาติ

ร้านจ้ำเข่า (จ้ำข้าว) ตั้งอยู่ในรีสอร์ท The Creek ปากช่อง มีที่จอดรถสะดวกสบาย ตัวร้านติดกับ The Creek Cafe เลย ถ้าเป็นช่วงวันหยุดแนะนำให้โทรจองกับที่ร้านก่อน เพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะทีเดียว

บรรยากาศที่นั่งชั้น 1 แบบติดลำธาร ส่วนชั้น 2 จะเป็นวิวสวน หรือโซน Outdoor นั่งในสวนไปเลย

  • พิกัด : ร้านตั้งอยู่ในรีสอร์ท The creek (ซ.เทศบาล 26)
  • เวลาให้บริการ : เปิดทุกวัน 9:00- 20:00 น.
  • โทรศัพท์ : 081-622-5183
  • Google Maps : https://goo.gl/maps/zwnQ9Xkx8U8HAdJF9
  • Facebook : JumkhaoKhaoyai
  • Instagram : jumkhao_khaoyai
จ้ำเข่า เขาใหญ่

เนื่องจากวันที่เราไปตรงกับวันเสาร์ ซึ่งลูกค้าแน่นร้านพอสมควร เลยต้องรอคิว รออาหารสักพักนึง และนี่คืออาหารอีสานที่เราสั่งมาทั้งหมด ซึ่งแต่ละเมนูก็เป็นเมนูแนะนำทั้งนั้น ฮ่า ๆๆๆ

คลิกดูเมนูร้านจ้ำเข่าทั้งหมด

เริ่มต้นด้วยตำข้าวโพดปิ้งไข่กุ้ง ตำข้าวโพดธรรมดาไม่ได้ ต้องเอาไปปิ้งให้มีกลิ่นหอมขึ้นมานิดนึง โรยด้วยไข่กุ้ง รสชาติแซ่บขนานแท้ จานนี้บอกเลยว่าเกลี้ยง นอกจากส้มตำเบสิคทั่วไป ที่นี่ยังมีตำอื่น ๆ อีกเยอะมาก สามารถดูเมนูทั้งหมดได้ที่นี่

ตำข้าวโพดปิ้งไข่กุ้ง (Spicy grilled corn salad with shrimp roe) 180.-
ตำข้าวโพดปิ้งไข่กุ้ง (Spicy grilled corn salad with shrimp roe) 180.-
ข้าวเหนียวสามสี (Three color sticky rice) 30.-
ข้าวเหนียวสามสี (Three color sticky rice) 30.-

อีกหนึ่งไฮไลท์ของร้านนี้ คือ ข้าวเหนียวสามสี ที่กินคู่กับอะไรก็ลงตัวไปหมด สีเหลืองขมิ้น สีขาวธรรมชาติ และสีฟ้าจากอัญชัน

น้ำตกคอหมูย่าง (Spicy grilled pork neck salad) 150.-
น้ำตกคอหมูย่าง (Spicy grilled pork neck salad) 150.-

จุดเด่นอีกอย่างของร้าน จ้ำเข่า เขาใหญ่ คือ การจัดจานที่แปลกตาจากร้านส้มตำทั่วไป น้ำตกคอหมูย่าง ปรุงรสมาได้จัดจ้าน ทานคู่กับพริกแห้ง และเสาวรสสดที่กินได้จริง ๆ

ผัดหมี่โคราช
ผัดหมี่โคราช

เมนู ผัดหมี่โคราช ที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง น้ำซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน ผัดด้วยไฟอ่อนจนเข้าเส้น กลมกล่อม เผ็ดนิด ๆ กินคู่กับหมูสามชั้น และผักเคียงช่วยชูรสชาติได้ดี

ปีกไก่จ้ำเข่า (Jim Khao’s chicken wings) 150.-
ปีกไก่จ้ำเข่า (Jim Khao’s chicken wings) 150.-

ปีกไก่อบที่หมักมาได้เข้าเนื้อ ปีกไก่อบจ้ำเข่า อบมาร้อน ๆ โรยด้วยกระเทียมฝาน ไก่จะออกแนวเนื้อนุ่มหอม ด้านในยังคงฉ่ำ ๆ อยู่ ใครชอบไก่แบบเนื้อนุ่มไม่แห้งจนเกินไป ร้านนี้ตอบโจทย์

ปีกไก่จ้ำเข่า แทะเพลิน ๆ ปีกไก่ชิ้นใหญ่ เนื้อนุ่มหอม อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ของร้านจ้ำเข่า

บรรยากาศร้านสบาย ๆ มีทั้งห้องแอร์ และแอร์ธรรมชาติ เดินทางไม่ยาก อยู่ใจกลางเมืองปากช่อง พนักงานบริการดีประทับใจถึงแม้ลูกค้าจะเยอะก็ตาม และเมื่อมาทานร้านนี้จะได้รับส่วนลดคาเฟ่ 10% ในเครืออย่าง MAA Khaoyai และคาเฟ่ Khaam Khaoyai

ร้านตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับรีสอร์ทเดอะครีท และข้างกันยังมีคาเฟ่ไว้ได้ล้างปากจากของคาวได้ด้วย

สวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่ ร้านสเต๊กบรรยากาศบ้านทุ่ง

เวลาไปเที่ยวเขาใหญ่ เมนูอาหารอันดับต้น ๆ ที่นึกถึง คงหนีไม่พ้น “สเต๊ก” และอาหารอิตาเลียน สปาเก็ตตี้ สลัดต่าง ๆ สวนผักลุงฤทธิ์ เป็นสวนผักปลอดสารพิษ มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ที่พักแนวฟาร์มสเตย์ ตั้งอยู่ใจกลางเขาใหญ่ บริเวณรอบ ๆ ร้านอาหารมีสวนผักออร์แกนิค ผลไม้ตามฤดูกาล

ไฮไลท์ของร้านนี้ คือ อาหารจานใหญ่ ตกแต่งจานสวย ในราคาที่จับต้องได้ พนักงานบริการเป็นกันเอง มีฟาร์มผักไฮโดรโปรนิกส์ให้ได้เรียนรู้ บรรยากาศเย็นสบายท่ามกลางธรรมชาติของเขาใหญ่

เมนูอาหารหลักประกอบไปด้วย ซี่โครงหมูย่าง สันคอหมูย่าง คอหมูย่าง แซลมอน สเต๊กเนื้อ สเต๊กรวม ยำสเต๊กต่าง ๆ เมนูอาหารจานเดียว อาหารทานเล่น และเมนูเครื่องดื่ม


ซี่โครงซิกเนเจอร์ อาหารจานใหญ่ ถูกใจสายผัก

ซี่โครงหมูย่าง สวนผักลุงฤทธิ์
ซี่โครงหมูย่างขนาด 200-250 กรัม ราคา 200 บาท

*ทุกโต๊ะจะได้ตะกร้าผักสดฟรี 1 ตะกร้า ถ้าทานหมดแล้ว สามารถขอเติมได้ แต่แค่ตะกร้าเดียวก็เยอะแล้ว

เริ่มมื้อกันด้วย ซี่โครงหมูย่างขนาด 200-250 กรัม 200 บาท โอ้วว โหวว ซี่โครงชิ้นใหญ่ในราคาเท่านี้ ถือว่าไม่แพงเลย เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส 3 สไตล์ ได้แก่ น้ำสลัด น้ำสลัดแบบเผ็ด และน้ำจิ้มแจ่ว มีผักเคียงเล็กน้อยให้พอดูสวยงาม

ขนาดซี่โครงจะมี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ถ้ามากันแค่ 2 คน แนะนำเป็นไซส์เล็กก็เพียงพอแล้ว เพราะอาหารที่นี่ขนาดใหญ่จริง ฮ่า ๆๆๆ

ซี่โครงหั่นออกง่ายมาก แต่ไม่ได้เป็นแนวหมักมาจนนุ่มละลายขนาดนั้น อันนียังมีจังหวะให้เคี้ยว ส่วนตัวซอสนั้นหมักมาเข้าเนื้อ หมูนุ่ม หอมเบาเบา กลิ่นเครื่องเทศไม่ได้แรงเกิน

ยำพอร์คชอปคุโรบูตะ 259 บาท
ยำพอร์คชอปคุโรบูตะ 259 บาท

เราอยากหาเมนูยำ เผ็ด ๆ มาทานแก้เลี่ยนจากเมนูจำพวกสเต๊ก สลัด เลยสั่ง ยำพอร์คชอปคุโรบูตะ 259 บาท รสชาติยำจัดจ้านถูกใจมาก ครบรสชาติ ผักนี่มาเป็นดงรวมหลายอย่าง มีธัญพืชด้วย สายยำ สายแซ่บต้องชอบแน่จานนี้

น้ำผลไม้ปั่นสั่งมาเป็นส้มสมูทตี้ และอะโวคาโดผักรวมสมูทตี้ สดชื่น แต่เย็นหนาวไปหน่อยสำหรับหน้าฝนฉ่ำ ๆ แบบนี้ 55555

สลัดโรลรวม
สลัดโรลรวม แซลมอน หมูย่าง ปูอัด ไก่ยอ ไส้กรอกไก่ 100 บาท

สลัดโรลเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด 2 สไตล์ ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่เสิร์ฟมาในเมนูซี่โครงก่อนหน้านี้

การเดินทางมายังร้าน สวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่ นั้นอยู่ไม่ไกลจากถนนหลักมากนัก โดยอยู่ใกล้กับโรงแรม Toscana Valley และตาวีฟาร์มเขาใหญ่ ใครกลัวไปไม่ถูก ขับตาม Google Maps ได้เลย รับรองไม่หลง ที่ร้านมีที่จอดรถเพียบ

หน้าร้านสวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่
หน้าร้านสวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่

เมนู สวนผักลุงฤทธิ์ ทั้งหมด

ผักสลัดสด ๆ เก็บจากฟาร์มไฮโดรโปรนิกส์ที่ปลูกเอง อาหารทุกเมนูจานใหญ่ ราคาดีงาม ไม่เน้นบรรยากาศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของร้านอาหารในเขาใหญ่

รวม 5 จุดเช็คอินคาเฟ่ และร้านอาหารที่เขาใหญ่ สวยชิคมีสไตล์

เช็คอินเขาใหญ่
จุดเช็คอินเขาใหญ่

อยากไปเที่ยวแบบไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนัก มีเวลาวันหยุดแค่เที่ยวเสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเที่ยวได้แล้ว ขอแนะนำให้ลองไปเที่ยว “เขาใหญ่” กันดู เพราะเขาใหญ่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศดี รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ แถมขับรถไม่นานก็ถึง อีกทั้งยังมีที่พักเขาใหญ่เก๋ๆ ให้เลือกเยอะมาก ยิ่งในปัจจุบันนี้เส้นทางเขาใหญ่ หรือโคราช ก็จะมีสถานที่เช็คอินสวยๆ อย่างเช่น ร้านกาแฟ หรือร้านอาหารมากมาย ประกอบกับด้วยความที่มีวิวภูเขา ทำให้เขาใหญ่เวลาถ่ายรูปออกมาดูเหมือนอยู่เมืองนอกเลยก็ไม่ปาน หากวันหยุดหน้าใครมีเวลา อยากไปเที่ยวเขาใหญ่ลองกดเข้าแอพ Traveloka จองที่พักเขาใหญ่ที่ถูกใจ เพราะแอพนี้ขึ้นชื่อเรื่องการค้นหาที่พักได้ง่ายดาย ลองจองที่พักเขาใหญ่กันสักคืนสองคืน แล้วไปปักหมุดตามคาเฟ่เขาใหญ่สไตล์สวยๆ กันได้เลย

1. The Castle Restaurant & Tea Room

ขับรถไปเที่ยวเขาใหญ่แล้วเกิดเมื่อย อยากจะได้สถานที่พักผ่อนคลาย ยืดเส้นยืดสาย และนั่งกินขนมจิบชา ขอให้ปักหมุดไว้ที่ “The Castle Restaurant & Tea Room” กันได้เลย รับรองว่าคุณผู้หญิงทั้งหลายจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะทั้งตัวร้านเองก็ตกแต่งได้อย่างเรียบหรู เหมือนกับอยู่ร้านอาหารที่เมืองนอก ยิ่งตั้งอยู่ใน Thames Valley Khaoyai ยิ่งได้บรรยากาศเหมือนกับบินไปจิบน้ำชาที่อิตาลี และไม่ใช่แค่เมนูขนมนมเนยของหวานเท่านั้น เมนูของคาว ไม่ว่าจะเป็นพาสต้า หรือลาบปลาแซลมอนก็อร่อยล้ำอย่าบอกใคร 

วันเวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 10.30 และ 11.00 – 22.30 น.

2. ภิรมย์คาเฟ่ (Pirom Cafe) 

มาอภิรมย์ไปกับภิรมย์คาเฟ่กันดีกว่า หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เขาใหญ่ ลองไปเยือนภิรมย์คาเฟ่กันดูสักหน่อย โดยคาเฟ่แห่งนี้ได้ตั้งอยู่ใน ภิรมย์ แอนด์ วินยาท ที่ถูกออกแบบให้มีดีไซน์เก๋ไก๋ทันสมัย ด้วยทรงตึกแบบโกดังเรือนกระจก ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็สวย เหมาะกับคนชอบถ่ายรูป ที่สำคัญด้านนอกของภิรมย์คาเฟ่ ยังมีพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งด้วยสไตล์เดียวกับเขาวงกต ทำให้ถูกใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะหันกล้องไปทางไหนก็สวยทุกมุม ส่วนใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวเขาใหญ่สวยๆ บรรยากาศดี แนะนำภิรมย์คาเฟ่เลย 

วันเวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.

3. Yellow Submarine Coffee Tank

ถ้าเอ่ยถึงร้านคาเฟ่สุดชิคที่เปรียบเสมือนเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเขาใหญ่ไปแล้ว ก็คงต้องยกให้กับ “Yellow Submarine Coffee Tank” คาเฟ่ดีไซน์โมเดิร์นลอฟท์สุดดิบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาต เป็นจุดเช็คอินที่ไม่ว่าใครแวะมาเที่ยวเขาใหญ่ก็ต้องห้ามพลาด เพราะเนื่องด้วยความแปลกตาของรูปทรงที่ออกแบบมาให้เหมือนเป็นเรือดำน้ำ มีสีดำสนิท แถมด้านบนยังเพิ่มความน่าสนใจ ด้วยลูกเล่นแบบเพดานเปิดโล่ง Open Air ให้คุณได้นั่งจิบกาแฟไปพร้อมกับชมบรรยากาศของธรรมชาติที่เขาใหญ่ให้เต็มที่ นอกจากจะดีไซน์เก๋อย่างเดียวไม่พอ บรรยากาศยังดีอีกด้วย ใครอยากมาถ่ายรูป ให้เลือกวันให้ดี เพราะเปิดแค่ ศุกร์ – จันทน์เท่านั้นนะจ๊ะ 

วันเวลาเปิด-ปิด: 09.00 – 19.00 น. สำหรับวันจันทร์ปิด 18.00 น.

4. บุคลิก คาเฟ่ เขาใหญ่ (Bucolic Cafe Khao Yai) 

หากยังไม่จุใจขอแนะนำให้ขับรถมาที่ Bucolic คาเฟ่กันได้เลย หรือที่อ่านออกเสียงว่าบุคลิกนั่นเอง จุดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวยแค่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีวิวอลังการงานสร้าง หลายคนขนานนามให้เป็นคาเฟ่ที่จ่ายหลักร้อย ทว่าได้วิวหลักล้านกันเลยทีเดียว ที่ว่าอลังการเพราะด้านหลังร้านจะมองเห็นภาพวิวของภูเขาได้แบบพาโนราม่า มาพร้อมกับดีไซน์ร้านที่ให้ความอบอุ่นด้วยโทนสีน้ำตาล ตกแต่งด้วยความมินิมอล ภายในร้านจะมีทั้งเมนูขนมเค้ก และเครื่องดื่มต่างๆ ให้สั่งไปนั่งชมวิวภูเขากันแบบชิลล์ๆ 

วันเวลาเปิด-ปิด: 09.00 – 17.00 น.

5. The Birder’s Lodge

มาถึงคาเฟ่เขาใหญ่แห่งสุดท้าย จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “The Birder’s Lodge” ที่เราอยากจะแนะนำ เพราะว่าที่เที่ยวแห่งนี้เป็นทั้งคาเฟ่ และที่พัก แถมทุกวันหยุด พื้นที่โกดังข้างๆ ของร้านกาแฟ ยังเปิดตลาดนัดให้คนทั่วไปมาขายสินค้า ขายผัก หรือว่าอาหารออกานิกส์กันอีกด้วย ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดแวะพักที่ไม่ว่าใครไปใครมา ล้วนแต่จอดรถ แวะถ่ายรูป จิบกาแฟกันสักหน่อย เนื่องจากเป็นคาเฟ่ที่บรรยากาศดี และมีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย หรือใครจะแวะช้อปปิ้งผักสดๆ กลับกรุงเทพฯ ไปเป็นของฝาก ก็แนะนำอีกเช่นเดียวกัน 

วันเวลาเปิด-ปิด: 08.30 – 18.00 น. 

เชื่อว่านักเดินทางหลายคนที่ช่วงนี้อาจจะยังเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ แต่ก็อยากจะไปชาร์จแบตร่างกาย และจิตใจ ให้เต็มอิ่มด้วยการเดินทาง ก็ขอแนะนำให้เขาใหญ่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เพราะไม่ใช่แค่เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ยังเดินทางง่าย มีเวลาแค่ 2 คืน แบบไม่ต้องลางานก็ไปเที่ยวได้ แถมบรรยากาศดีอีกด้วย

ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่ แวะชิมผักออร์แกนิค จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์

ถ้าพูดถึงร้านอาหารเขาใหญ่ เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงนึกภาพร้านอาหารที่วิวกว้างสุดสายตา ด้านหลังเป็นปราสาทสไตล์ยุโรปหลังใหญ่ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาใหญ่ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่เล็ก ๆ ในฟาร์มออร์แกนิคของอำเภอปากช่อง ตาวีฟาร์ม เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก และฟาร์มในสถานที่เดียวกัน บรรยากาศเงียบสงบ สบาย ๆ เป็นกันเอง เหมือนแวะมากินข้าวที่บ้านเพื่อน เหมาะกับคนที่รักธรรมชาติอย่างแท้จริง

ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่
บ้านเบาใจ กระท่อมกลางทุ่งที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้

การเดินทางไปยัง ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่ ถ้าไม่ใช่คนท้องที่ หรือไปเขาใหญ่บ่อยจะต้องหลงอย่างแน่นอน ฮ่า ๆ แนะนำให้ขับตาม GPS ไป รับรองว่าพาไปถูกชัวร์ พิกัด Google Maps ถนนหนทางค่อนข้างสะดวกสบาย จะมีแค่ทางเข้าไร่ตาวีฟาร์มที่เป็นถนนลูกรังเหมือนกับถนนในไร่ทั่วไป รถเก๋งเข้าได้สบายมาก

ด้านล่างเป็นคาเฟ่ โต๊ะทานอาหาร ส่วนด้านบนสามารถขึ้นไปทานอาหารได้เช่นกัน

ต้องบอกว่า GPS แม่นยำจริง ๆ พาเรามาถึงตาวีฟาร์ม ซึ่งบริเวณรอบ ๆ มีที่จอดรถยนต์รองรับเยอะอยู่ และอย่าลืมว่าใครที่คิดจะมากินอาหารที่นี่ ต้องโทรจองก่อนเท่านั้นที่เบอร์ 0874509473 คุณยุ้ย เนื่องจากที่ร้านทำอาหารกันแบบโฮมเมด ผักที่นำมาปรุงอาหารก็ปลูกเองแบบออร์แกนิค

ช่วงวันหยุด และเสาร์อาทิตย์ คนจะเยอะนิดนึง ส่วนวันธรรมดาทางร้านแจ้งว่าจะรับลูกค้าน้อย เนื่องจากต้องดูแลผักที่ปลูกไว้ด้วย ใครที่อยากเป็นส่วนตัว แนะนำวันธรรมดาเลยจ้า แต่เราไปวันเสาร์ โทรจองช่วงเช้า ก็ยังได้คิวอยู่นะ

ส่วนนี้จะเป็นร้านอาหารและคาเฟ่เครื่องดื่ม ทางร้านจะจัดที่นั่งที่เราจองคิวไว้ พอไปถึงร้านก็พาเราไปนั่ง และต้อนรับอย่างอบอุ่น และเป็นกันเอง ส่วนอาหารด้านหลังเป็นบ้านเบาใจ ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งกินอาหารสบาย ๆ ในหน้าฝน

ด้านล่างมีขนม ของฝาก น้ำสลัด และน้ำสกัดเย็นขายติดไม้ติดมือเป็นของฝาก

บรรยากาศในช่วงเที่ยงครึ่ง ผู้คนกำลังทยอยเดินทางมาที่ร้าน ตอนเราไปโชคดียังไม่มีคนมากนัก แต่พอถ่ายภาพนี้ได้รูปเดียว ลูกค้าก็เข้ามานั่งกันเพียบ เชื่อแล้วว่าก่อนเข้ามา ต้องจองจริง ๆ 55555

โซนคาเฟ่มีเครื่องดื่มเหมือนคาเฟ่ทั่วไป ชา กาแฟ น้ำโซดาต่าง ๆ ชอบคอนเซ็ปต์ของที่นี่ “กาแฟที่ดีที่สุดสำหรับเรา คือกาแฟที่เราชอบ” โดนใจใช่เลย

เราเห็นเหมือนกันทุกโต๊ะที่มีลูกค้า พี่พนักงาน (ขออภัยที่เราจำชื่อไม่ได้ แต่บริการดีมากเลย) จะถามว่าเราเคยมาที่ตาวีฟาร์มมาก่อนไหม และเอาป้ายนี้มาบอกความแตกต่างของน้ำสกัดเย็น 4 สูตร 4 สี แก้วละ 75 บาทเท่ากันหมด

ระหว่างเลือกเมนู (คลิกเพื่อดูเมนูทั้งหมด) ทางร้านเสิร์ฟของทานเล่นอย่างหนังปลาแซลมอน และกล้วยอบ ที่ไม่ใส่เนย ไม่ใส่น้ำตาล มาที่นี่เราจะได้กินอะไรที่ออร์แกนิคจริง ๆ

Welcome note สิ่งเล็ก ๆ ที่ทางร้านใส่ใจ และทำให้ผู้มาเยือนครั้งแรกอย่างเราประทับใจ ที่น่าทึ่งอีกอย่าง คือ ทุกอย่างที่นี่เขาจะเป็นแบบโฮมเมดหมดเลย แม้กระทั่งเมนูอาหารก็เขียนเองหมด อยากถามว่าพี่ไม่เมื่อยมือบ้างหรอ ฮ่า ๆ

มุมของฝากมีทั้งกล้วยฉาบ หนังปลาแซลมอน ที่เราได้กินเป็นออร์เดิร์ฟไปเมื่อสักครู่ รวมไปถึง น้ำสลัดตาวี เรียกได้ว่าทั้งหมดที่เราได้เห็น เป็นผลผลิตจากที่ตาวีฟาร์มทั้งนั้น

ทางร้านเล่าให้เราฟังคร่าว ๆ ว่าวิธีการทำน้ำสกัดเย็น เป็นการบีบอัดแยกน้ำออกจากผักผลไม้ด้วยอุณหภูมิปกติ นั้นทำให้เอนไซต์ยังมีชีวิตอยู่ โดยเวลาดื่ม ให้เราค่อย ๆ ดื่ม ช้า ๆ และควรดื่มในตอนที่กำลังเย็น ๆ อยู่

คุณค่าของน้ำสกัดเย็นหนึ่งแก้ว เท่ากับผักผลไม้ 500 กรัมเลยทีเดียว เราเลือกเป็นสูตรสีเหลือง (เพราะณเดชน์ชอบ) และสีเขียว (คิมเบอร์ลีชอบ) เลยอยากลองเป็นพระเอก นางเอกดูกับเขาบ้าง เราว่าสีเขียวดื่มง่ายดี ไม่รู้สึกว่ากินน้ำผักเลยสักนิด ส่วนสีเหลืองกลิ่นขิงจะเด่นออกมานิดนึง ถ้าไปกันหลายคน แนะนำให้สั่งมาลองทุกสีเลย รับรองว่าต้องติดใจสักแก้วล่ะ

หมี่ชะอมกุ้งสด 180 บาท อ่านชื่อแล้วแปลกใจใช่ไหมล่ะ? เมนูนี้ปกติที่เราเห็นทั่วไปจะใส่กระเฉด แต่ที่ร้านตาวีฟาร์มใส่เป็นชะอมแทน จริง ๆ สัมผัสการเคี้ยวก็ไม่ได้ต่างกันมาก ที่ต่างน่าจะเป็นเรื่องของกลิ่นผักซะมากกว่า

หมี่ชะอมกุ้งสด (Stirred fried rice noodles with cha-om and Shrimps)

รสชาติออกนัว ๆ กลาง ๆ กลมกล่อมกำลังดี กินแล้วรู้สึกว่าอยากกินต่อเรื่อย ๆ ที่สำคัญเลย คือ ผักสดมากจริง ๆ หวานกรอบ ไม่มีกลิ่น เชื่อว่าคนที่เพิ่งเริ่มกินผัก สามารถกินได้สบาย ๆ ของเขาดีจริง ๆ

เมนูต่อมาแปลกกว่าเมนูก่อนหน้าแน่ ฮ่า ๆ แกงส้มทูน่ากุ้งสด ไข่เจียวเคล 220 บาท เขียนรีวิวไปหิวไปเลยเนี่ย แกงส้มใช้เครื่องแกงจากแปลงผักพื้นบ้าน เบบี้คอสเพิ่มความกรอบ น้ำแกงใช้ปลาทูน่า ไข่เจียวอวบเต็มไปด้วยผักเคล โดยในเซตนี้ได้ทั้งแกงส้ม ไข่เจียว และข้าวสวย (โรยงาดำ)

นอกจากจุดเด่นที่ใช้ผักสด ๆ ปลอดสารพิษจากฟาร์มแล้ว การจัดจานก็เสิร์ฟมาสวยงาม น่ารับประทานไม่แพ้กัน

บอกตามตรงเรายังไม่เคยกินไข่เจียวใส่ผักเคลมาก่อนเลย ยัดไส้ผักเคลมาแน่นแทบไม่มีช่องว่าง ส่วนน้ำแกงส้มจะออกเปรี้ยวนำ ใส ๆ ไม่ข้น ได้กลิ่นทูน่าเบาเบา และมีเบบี้คอสในน้ำแกงส้ม ช่วยเพิ่มความกรุบกรอบได้ดี โดยรวมแล้วเป็นชุดที่คุ้มค่าอยู่นะ ได้ทั้งแกงส้ม ไข่เจียว และข้าวสวย พร้อมผักสด ๆ จากเกษตรอินทรีย์ ไม่ใส่สารเคมีแต่อย่างใด (ทุกเมนูไม่ใส่ผงชูรส 100% และใช้น้ำมันหมู)

บรรยากาศ ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่

บรรยากาศภายในบ้านเบาใจ

ด้วยความที่เป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ในแบบฉบับโฮมเมด โต๊ะจึงไม่ได้มีรองรับแขกเยอะมากนัก ถ้าจะเข้ามา แนะนำโทรมาจองก่อนดีที่สุด

เหมือนมากินข้าวบ้านญาติ บ้านเพื่อนจริง ๆ พนักงานทุกคนเป็นมิตร ถึงแม้วันที่เราไป ลูกค้าจะเยอะก็ตาม แต่เรารู้สึกได้ถึงความใส่ใจของผู้คนที่นี่ บรรยากาศสบาย ๆ เรียบง่าย โดยส่วนตัวถือว่าต่อการเดินทางมาที่นี่ (เพราะค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่พอสมควร)

ใครที่ชอบถ่ายรูป ก็มีมุมสวย ๆ ได้อารมณ์แบบมาสัมผัสธรรมชาติ และวิถีชาวไร่อย่างแท้จริง

บ้านไม้ยกพื้นสูง มีใต้ถุนบ้านเอาไว้นั่งเล่น

ช่วงนี้ผู้คนแวะเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนหนึ่งก็ตามรอยละคร มนต์รักหนองผักกะแยง ที่ณเดชน์และโบว์เมลดาเล่นนั่นเอง เพราะช่วงนี้ละครเพิ่งจบไปไม่นาน

บริเวณรอบ ๆ ปลูกผักสวนครัว หลังจากอิ่มกับอาหารแล้ว สามารถเดินดูได้ทั่วฟาร์มเลย ซึ่งนอกจากคาเฟ่ และร้านอาหารแล้ว ตาวีฟาร์มเขาใหญ่ ยังมีที่พักให้บริการอีกด้วย ถ้าใครสนใจเข้าพัก สามารถสอบถามรายละเอียดได้ด้านล่างรีวิวเลยจ้า

พื้นที่หน้าคาเฟ่ สามารถนั่งรอ หรือทานอาหารได้

ผักสดกรอบจากฟาร์มออร์แกนิค ปลอดสารเคมี น้ำสกัดเย็นรสชาติดี ดื่มง่าย ท่ามกลางบรรยากาศชาวไร่กลางเขาใหญ่

ช่องทางการติดต่อ