Tag Archives: เที่ยวเขาใหญ่

สวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่ ร้านสเต๊กบรรยากาศบ้านทุ่ง

เวลาไปเที่ยวเขาใหญ่ เมนูอาหารอันดับต้น ๆ ที่นึกถึง คงหนีไม่พ้น “สเต๊ก” และอาหารอิตาเลียน สปาเก็ตตี้ สลัดต่าง ๆ สวนผักลุงฤทธิ์ เป็นสวนผักปลอดสารพิษ มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ที่พักแนวฟาร์มสเตย์ ตั้งอยู่ใจกลางเขาใหญ่ บริเวณรอบ ๆ ร้านอาหารมีสวนผักออร์แกนิค ผลไม้ตามฤดูกาล

ไฮไลท์ของร้านนี้ คือ อาหารจานใหญ่ ตกแต่งจานสวย ในราคาที่จับต้องได้ พนักงานบริการเป็นกันเอง มีฟาร์มผักไฮโดรโปรนิกส์ให้ได้เรียนรู้ บรรยากาศเย็นสบายท่ามกลางธรรมชาติของเขาใหญ่

เมนูอาหารหลักประกอบไปด้วย ซี่โครงหมูย่าง สันคอหมูย่าง คอหมูย่าง แซลมอน สเต๊กเนื้อ สเต๊กรวม ยำสเต๊กต่าง ๆ เมนูอาหารจานเดียว อาหารทานเล่น และเมนูเครื่องดื่ม


ซี่โครงซิกเนเจอร์ อาหารจานใหญ่ ถูกใจสายผัก

ซี่โครงหมูย่าง สวนผักลุงฤทธิ์
ซี่โครงหมูย่างขนาด 200-250 กรัม ราคา 200 บาท

*ทุกโต๊ะจะได้ตะกร้าผักสดฟรี 1 ตะกร้า ถ้าทานหมดแล้ว สามารถขอเติมได้ แต่แค่ตะกร้าเดียวก็เยอะแล้ว

เริ่มมื้อกันด้วย ซี่โครงหมูย่างขนาด 200-250 กรัม 200 บาท โอ้วว โหวว ซี่โครงชิ้นใหญ่ในราคาเท่านี้ ถือว่าไม่แพงเลย เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส 3 สไตล์ ได้แก่ น้ำสลัด น้ำสลัดแบบเผ็ด และน้ำจิ้มแจ่ว มีผักเคียงเล็กน้อยให้พอดูสวยงาม

ขนาดซี่โครงจะมี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ถ้ามากันแค่ 2 คน แนะนำเป็นไซส์เล็กก็เพียงพอแล้ว เพราะอาหารที่นี่ขนาดใหญ่จริง ฮ่า ๆๆๆ

ซี่โครงหั่นออกง่ายมาก แต่ไม่ได้เป็นแนวหมักมาจนนุ่มละลายขนาดนั้น อันนียังมีจังหวะให้เคี้ยว ส่วนตัวซอสนั้นหมักมาเข้าเนื้อ หมูนุ่ม หอมเบาเบา กลิ่นเครื่องเทศไม่ได้แรงเกิน

ยำพอร์คชอปคุโรบูตะ 259 บาท
ยำพอร์คชอปคุโรบูตะ 259 บาท

เราอยากหาเมนูยำ เผ็ด ๆ มาทานแก้เลี่ยนจากเมนูจำพวกสเต๊ก สลัด เลยสั่ง ยำพอร์คชอปคุโรบูตะ 259 บาท รสชาติยำจัดจ้านถูกใจมาก ครบรสชาติ ผักนี่มาเป็นดงรวมหลายอย่าง มีธัญพืชด้วย สายยำ สายแซ่บต้องชอบแน่จานนี้

น้ำผลไม้ปั่นสั่งมาเป็นส้มสมูทตี้ และอะโวคาโดผักรวมสมูทตี้ สดชื่น แต่เย็นหนาวไปหน่อยสำหรับหน้าฝนฉ่ำ ๆ แบบนี้ 55555

สลัดโรลรวม
สลัดโรลรวม แซลมอน หมูย่าง ปูอัด ไก่ยอ ไส้กรอกไก่ 100 บาท

สลัดโรลเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด 2 สไตล์ ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่เสิร์ฟมาในเมนูซี่โครงก่อนหน้านี้

การเดินทางมายังร้าน สวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่ นั้นอยู่ไม่ไกลจากถนนหลักมากนัก โดยอยู่ใกล้กับโรงแรม Toscana Valley และตาวีฟาร์มเขาใหญ่ ใครกลัวไปไม่ถูก ขับตาม Google Maps ได้เลย รับรองไม่หลง ที่ร้านมีที่จอดรถเพียบ

หน้าร้านสวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่
หน้าร้านสวนผักลุงฤทธิ์ เขาใหญ่

เมนู สวนผักลุงฤทธิ์ ทั้งหมด

ผักสลัดสด ๆ เก็บจากฟาร์มไฮโดรโปรนิกส์ที่ปลูกเอง อาหารทุกเมนูจานใหญ่ ราคาดีงาม ไม่เน้นบรรยากาศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของร้านอาหารในเขาใหญ่

รวม 5 จุดเช็คอินคาเฟ่ และร้านอาหารที่เขาใหญ่ สวยชิคมีสไตล์

เช็คอินเขาใหญ่
จุดเช็คอินเขาใหญ่

อยากไปเที่ยวแบบไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนัก มีเวลาวันหยุดแค่เที่ยวเสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเที่ยวได้แล้ว ขอแนะนำให้ลองไปเที่ยว “เขาใหญ่” กันดู เพราะเขาใหญ่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศดี รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ แถมขับรถไม่นานก็ถึง อีกทั้งยังมีที่พักเขาใหญ่เก๋ๆ ให้เลือกเยอะมาก ยิ่งในปัจจุบันนี้เส้นทางเขาใหญ่ หรือโคราช ก็จะมีสถานที่เช็คอินสวยๆ อย่างเช่น ร้านกาแฟ หรือร้านอาหารมากมาย ประกอบกับด้วยความที่มีวิวภูเขา ทำให้เขาใหญ่เวลาถ่ายรูปออกมาดูเหมือนอยู่เมืองนอกเลยก็ไม่ปาน หากวันหยุดหน้าใครมีเวลา อยากไปเที่ยวเขาใหญ่ลองกดเข้าแอพ Traveloka จองที่พักเขาใหญ่ที่ถูกใจ เพราะแอพนี้ขึ้นชื่อเรื่องการค้นหาที่พักได้ง่ายดาย ลองจองที่พักเขาใหญ่กันสักคืนสองคืน แล้วไปปักหมุดตามคาเฟ่เขาใหญ่สไตล์สวยๆ กันได้เลย

1. The Castle Restaurant & Tea Room

ขับรถไปเที่ยวเขาใหญ่แล้วเกิดเมื่อย อยากจะได้สถานที่พักผ่อนคลาย ยืดเส้นยืดสาย และนั่งกินขนมจิบชา ขอให้ปักหมุดไว้ที่ “The Castle Restaurant & Tea Room” กันได้เลย รับรองว่าคุณผู้หญิงทั้งหลายจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะทั้งตัวร้านเองก็ตกแต่งได้อย่างเรียบหรู เหมือนกับอยู่ร้านอาหารที่เมืองนอก ยิ่งตั้งอยู่ใน Thames Valley Khaoyai ยิ่งได้บรรยากาศเหมือนกับบินไปจิบน้ำชาที่อิตาลี และไม่ใช่แค่เมนูขนมนมเนยของหวานเท่านั้น เมนูของคาว ไม่ว่าจะเป็นพาสต้า หรือลาบปลาแซลมอนก็อร่อยล้ำอย่าบอกใคร 

วันเวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 10.30 และ 11.00 – 22.30 น.

2. ภิรมย์คาเฟ่ (Pirom Cafe) 

มาอภิรมย์ไปกับภิรมย์คาเฟ่กันดีกว่า หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เขาใหญ่ ลองไปเยือนภิรมย์คาเฟ่กันดูสักหน่อย โดยคาเฟ่แห่งนี้ได้ตั้งอยู่ใน ภิรมย์ แอนด์ วินยาท ที่ถูกออกแบบให้มีดีไซน์เก๋ไก๋ทันสมัย ด้วยทรงตึกแบบโกดังเรือนกระจก ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็สวย เหมาะกับคนชอบถ่ายรูป ที่สำคัญด้านนอกของภิรมย์คาเฟ่ ยังมีพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งด้วยสไตล์เดียวกับเขาวงกต ทำให้ถูกใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะหันกล้องไปทางไหนก็สวยทุกมุม ส่วนใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวเขาใหญ่สวยๆ บรรยากาศดี แนะนำภิรมย์คาเฟ่เลย 

วันเวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.

3. Yellow Submarine Coffee Tank

ถ้าเอ่ยถึงร้านคาเฟ่สุดชิคที่เปรียบเสมือนเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเขาใหญ่ไปแล้ว ก็คงต้องยกให้กับ “Yellow Submarine Coffee Tank” คาเฟ่ดีไซน์โมเดิร์นลอฟท์สุดดิบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาต เป็นจุดเช็คอินที่ไม่ว่าใครแวะมาเที่ยวเขาใหญ่ก็ต้องห้ามพลาด เพราะเนื่องด้วยความแปลกตาของรูปทรงที่ออกแบบมาให้เหมือนเป็นเรือดำน้ำ มีสีดำสนิท แถมด้านบนยังเพิ่มความน่าสนใจ ด้วยลูกเล่นแบบเพดานเปิดโล่ง Open Air ให้คุณได้นั่งจิบกาแฟไปพร้อมกับชมบรรยากาศของธรรมชาติที่เขาใหญ่ให้เต็มที่ นอกจากจะดีไซน์เก๋อย่างเดียวไม่พอ บรรยากาศยังดีอีกด้วย ใครอยากมาถ่ายรูป ให้เลือกวันให้ดี เพราะเปิดแค่ ศุกร์ – จันทน์เท่านั้นนะจ๊ะ 

วันเวลาเปิด-ปิด: 09.00 – 19.00 น. สำหรับวันจันทร์ปิด 18.00 น.

4. บุคลิก คาเฟ่ เขาใหญ่ (Bucolic Cafe Khao Yai) 

หากยังไม่จุใจขอแนะนำให้ขับรถมาที่ Bucolic คาเฟ่กันได้เลย หรือที่อ่านออกเสียงว่าบุคลิกนั่นเอง จุดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวยแค่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีวิวอลังการงานสร้าง หลายคนขนานนามให้เป็นคาเฟ่ที่จ่ายหลักร้อย ทว่าได้วิวหลักล้านกันเลยทีเดียว ที่ว่าอลังการเพราะด้านหลังร้านจะมองเห็นภาพวิวของภูเขาได้แบบพาโนราม่า มาพร้อมกับดีไซน์ร้านที่ให้ความอบอุ่นด้วยโทนสีน้ำตาล ตกแต่งด้วยความมินิมอล ภายในร้านจะมีทั้งเมนูขนมเค้ก และเครื่องดื่มต่างๆ ให้สั่งไปนั่งชมวิวภูเขากันแบบชิลล์ๆ 

วันเวลาเปิด-ปิด: 09.00 – 17.00 น.

5. The Birder’s Lodge

มาถึงคาเฟ่เขาใหญ่แห่งสุดท้าย จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “The Birder’s Lodge” ที่เราอยากจะแนะนำ เพราะว่าที่เที่ยวแห่งนี้เป็นทั้งคาเฟ่ และที่พัก แถมทุกวันหยุด พื้นที่โกดังข้างๆ ของร้านกาแฟ ยังเปิดตลาดนัดให้คนทั่วไปมาขายสินค้า ขายผัก หรือว่าอาหารออกานิกส์กันอีกด้วย ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดแวะพักที่ไม่ว่าใครไปใครมา ล้วนแต่จอดรถ แวะถ่ายรูป จิบกาแฟกันสักหน่อย เนื่องจากเป็นคาเฟ่ที่บรรยากาศดี และมีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย หรือใครจะแวะช้อปปิ้งผักสดๆ กลับกรุงเทพฯ ไปเป็นของฝาก ก็แนะนำอีกเช่นเดียวกัน 

วันเวลาเปิด-ปิด: 08.30 – 18.00 น. 

เชื่อว่านักเดินทางหลายคนที่ช่วงนี้อาจจะยังเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ แต่ก็อยากจะไปชาร์จแบตร่างกาย และจิตใจ ให้เต็มอิ่มด้วยการเดินทาง ก็ขอแนะนำให้เขาใหญ่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เพราะไม่ใช่แค่เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ยังเดินทางง่าย มีเวลาแค่ 2 คืน แบบไม่ต้องลางานก็ไปเที่ยวได้ แถมบรรยากาศดีอีกด้วย

Hao Khaoyai คาเฟ่บ้านเฮา อบอุ่นน่ารักสไตล์ไทยจีน

คาเฟ่ใหม่ ๆ เปิดกันเยอะมาก ตอนที่เราไปเที่ยวเขาใหญ่ก็พยายามหาร้านคาเฟ่แปลกใหม่ จนกระทั่งไปสะดุดตากับ Hao Khaoyai อีกหนึ่งคาเฟ่ในละแวกเขาใหญ่-ปากช่องที่เพิ่มเปิดตัวไม่นาน โดดเด่นด้วยการตกแต่ง และแนวคิดของร้านที่ต้องการให้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่นัดพบของทุกคน ที่มาจากต่างสถานที่ได้มาพบกัน

Hao Khaoyai
หน้าร้านโดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยไม้ ให้อารมณ์เหมือนบ้านไม้ในสมัยก่อน

คาเฟ่เฮา เขาใหญ่ (เฮา ที่แปลว่า เรา) มีทั้งอาหารคาว ของหวาน เครื่องดื่ม โดยทุกเมนูของที่นี่นำเอาวัฒนธรรมจากทั้งไทย จีน ลาว เวียดนามมาทำฟิวชั่นเป็นเมนูแปลก ๆ ให้ผู้มาเยือนอย่างเราได้ลองกัน

Hao Khaoyai จริง ๆ แล้วตั้งอยู่ในโซนของเทศบาลปากช่องซะมากกว่า (คลิกเพื่อเปิด Google Maps) มีที่จอดรถสะดวกสบาย และในระแวกใกล้ ๆ กันแบบที่เดินไปได้ ยังมีคาเฟ่อื่น ๆ อีกเช่น Keeen Khaoyai และ Ginga Cafe มาที่เดียว เที่ยวได้หลายคาเฟ่เลย เหมาะกับ Cafe hopping แต่ส่วนตัวเราชอบที่คาเฟ่เฮาสุดละ เพราะอะไรมาดูกันเล้ยย

เหมือนจะเป็นบ้านเล็ก ๆ แต่มีหลายโซนให้นั่งนะ มุมนี้เป็นด้านข้างของตัวร้าน นั่งกันแบบ Open air ชิว ๆ

เมนูบ้านเฮา Hao Khaoyai

อาหารบ้านเฮามีทั้งของคาวสำหรับคนที่ต้องการจัดหนัก เช่น ข้าวเปียก ไข่กระทะ ไข่ครกกระทา ชุดอาหารเช้า ข้าวต้ม หรือขนมปังชุบไข่ทอด เป็นต้น ส่วนเครื่องดื่มก็จะเป็นกาแฟสูตรเฉพาะของทางร้าน และที่นี่เขาเน้นชุดอาหารเช้า เพราะเปิดให้บริการตั้งแต่ 07:30-17:00 น.

เมนูอีกหน้าก็จะเน้นเป็นพวกของหวาน และน้ำต่าง ๆ อาทิเช่น ชาดำยูสุ ชุดน้ำชายามบ่ายของอากง ขนมปังปิ้งบ้านเฮา ครัวซองค์สังขยา เค้กมะพร้าวอ่อน ส่วนเมนูแนะนำ ได้แก่ ขนมครกหมูสับ ขนมครกบ้าน ๆ และขนมครกจานผสม และที่ห้ามพลาดเลย คือ ชุดชาร้อน มีทั้งชาอู่หลง ชาเขียวมะลิ และชาเก๊กฮวย

ตัวอย่างเมนูเครื่องดื่มอื่น ๆ

เป็งเส็ง ก็น่าลองเป็นไอติมน้ำตาลโตนด+ครีมกะทิสด ราดช็อตกาแฟเข้ม ๆ ด้านบนแผ่นที่ปิดฝาแก้วเป็นข้าวโป่ง ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านในภาคอีสาน

วันนี้เราสั่งเป็น เฮาเมดครัวซองค์ 95 บาท (Hao made croissant) เป็นครัวซองค์ที่นำเอาเครื่องหมูยอ กุนเชียง ของดีจากปากช่อง เฮ้ย! แปลกแต่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ! และอีกอย่างเป็น โอวัลตินเย็น 80 บาท

โอวัลตินเย็นเสิร์ฟมาในแก้วใส ขอบแก้วมีเคลือบช็อกโกแลตด้วย

จริง ๆ มีอีกหลายเมนูที่น่าลอง แต่ท้องตะโกนบอกว่า พี่ ๆ พอก่อนรับไม่ไหวแล้ว ฮ่า ๆ

มุมถ่ายรูปมีเยอะมาก แล้วที่นี่เขาจัดจาน จัดองค์ประกอบร้านต่าง ๆ ได้สวยดี ถ่ายรูปแล้วขึ้นสุด ๆ

มุมถ่ายรูปคาเฟ่ Hao เขาใหญ่

โซนเคาน์เตอร์ด้านนอก นั่งมองบาริสต้าชงกาแฟไปเพลิน ๆ และคาเฟ่เฮา มีที่ชาร์จแบตให้พร้อม เหมาะกับมาพักผ่อน แวะกินของคาวหวาน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายอื่น ๆ

มุมยอดฮิตของ Hao Cafe ที่ใครมาจะต้องแวะถ่ายรูปที่มุมนี้ตลอด ด้านหลังเป็นปฏิทินจีนตกแต่งคู่กับผนังสไตล์ลอฟท์ ถ่ายรูปยังไงก็สวย

บรรยากาศระเบียงชั้น 2 สามารถขึ้นไปนั่งได้จากบันไดหน้าร้าน และภายในร้านก็มีบันได เพื่อขึ้นไปรับลมที่ชั้น 2 ได้เช่นกัน

บรรยากาศชั้น 2 ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และโคมไฟไม้ไผ่สาน น่ารักและเต็มไปด้วยความอบอุ่น พนักงานยิ้มแย้มบริการและให้คำแนะนำเมนูแต่ละอย่างดีมาก

บันไดขึ้นลงชั้น 2 ได้อารมณ์แบบดิบ ๆ ย้อนยุค ซึ่งชั้น 2 จะมีห้องน้ำไว้ให้บริการลูกค้าด้วย

บรรยากาศชั้น 2 ในช่วงเย็นวันเสาร์
มองจากระเบียงชั้น 2 ก็จะเห็นวิวที่จอดรถแบบนี้

ด้านหน้าร้านมีที่จอดรถได้ 3 คัน ส่วนฝั่งตรงข้ามจอดได้เป็น 10 คัน แต่แนะนำให้จอดฝั่งตรงข้ามดีกว่าน้า เราจะได้มีมุมถ่ายรูปกับบ้านน้อยหลังนี้กันได้สวยงาม

Hao Khaoyai อีกหนึ่งคาเฟ่เขาใหญ่-ปากช่อง ที่น่าแวะมาก มุมถ่ายรูปเยอะ เมนูอาหารและเครื่องดื่มแปลกใหม่ น่าลิ้มลอง

ช่องทางการติดต่อ

  • เวลาให้บริการ: เปิดทุกวัน เวลา 7:30-17:00 น.
  • Google Maps: 14.7111061,101.4222145
  • Social media: Facebook และ Instagram
  • Tel: 0990098790

Oh la la glamping เขาใหญ่ นอนเต็นท์ติดแอร์ สัตว์เลี้ยงพักได้

กระแสแกลมปิ้ง (Glamping) กำลังมาแรงในหมู่นักท่องเที่ยว Oh la la glamping เขาใหญ่ เป็นอีกหนึ่งแกลมปิ้ง ที่พักเขาใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2021 นี่เอง สำหรับใครที่งงว่าแกลมปิ้งต่างจากแคมป์ปิ้งยังไงนะ ?

เต็นท์ Oh la la glamping
ตะวันลับขอบฟ้าที่ Oh la la glamping

จริง ๆ แล้ว แกลมปิ้ง คือ การนอนเต็นท์นั่นล่ะ แต่ต่างกันที่ความสะดวกสบาย เพราะแทบจะไม่ต้องเตรียมอะไรไปเอง ทางที่พักจัดสรรให้เรียบร้อย เรามีหน้าที่แค่จ่ายเงิน และสะพายกระเป๋าเข้าที่พัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ที่นอนนุ่ม ๆ แอร์เย็นเฉียบ ไฟฟ้า ผ้าเช็ดตัว รองเท้าแตะ และอีกมากมาย เหมาะกับคนที่รักความสบาย แต่อยากได้ฟีลเหมือนไปนอนแคมป์ หรือจะเรียกว่าย้ายโรงแรมมาอยู่ในเต็นท์ก็ไม่ผิด ฮ่า ๆๆ

เต็นท์โดมตรงกลางจะเป็น 2 หลังที่อยู่ติดกัน เหมาะกับมากันเป็นแก๊งค์เพื่อน หรือครอบครัวใหญ่

รูปแบบที่พักของ Oh la la glamping สามารถนำน้องหมา น้องแมวเข้ามาพักได้ (Pet friendly free) มีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่

  • Dome Tents พักได้ 2-3 ท่าน ราคาเริ่มต้นที่ 3,200 ต่อคืน
    • มีทั้งหมด 7 โดม
    • ห้องน้ำรวม แยกชายหญิง
    • ราคารวมอาหารเช้า
  • Little English Cottage พักได้ 2-3 ท่าน ราคาเริ่มต้นที่ 4,200 ต่อคืน
    • มีทั้งหมด 3 หลัง
    • ห้องน้ำในตัว
    • ราคารวมอาหารเช้า

สามารถจอง ที่พักเขาใหญ่ ผ่านระบบเว็บ roomscope หรือจองผ่านแอดมินเพจที่ OhLaLaGlamping

นอนดูดาวในเต็นท์โดมที่ Oh la la glamping

ทุกโดมจะมีการตกแต่งด้วยต้นไม้ในสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป

เรามาดูที่พักแบบแรกกันก่อน Dome Tents เราประทับใจกับรูปแบบการจัดเต็นท์ของที่นี่มาก ๆ เพราะไม่ใส่มีแค่เต็นท์อย่างเดียว บริเวณด้านข้างยังมีพื้นไม้เทียมพร้อมโต๊ะเก้าอี้สนามให้ได้นั่งเล่น ทำกิจกรรมกันสนุกสนาน

ยามเย็นบรรกาศสวยงาม เบื้องหลังเป็นภูเขาทอดยาว

บรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ เนื่องจากจำนวนห้องพักที่ไม่มากนัก ไม่วุ่นวายเลยสักนิด มาแล้วรู้สึกว่าได้พักผ่อนแบบเต็มที่

บริเวณด้านข้างเต็นท์โดมที่ โอ้ลาลา แกลมปิ้ง มีโต๊เก้าอี้สนามให้นั่งพักผ่อน ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว นั่งชิว ๆ ท่ามกลางลมเย็น ๆ คงฟินน่าดู และถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะมีกิจกรรมดูหนังกลางแปลง และจุดกองไฟ ย่างมาร์ชเมลโล่กินกันแบบฟิน ๆ แต่เราไปช่วงหน้าฝนก็เลยอดไปจ้า

ภายในเต็นท์โดม หรือเต็นท์กระโจม ถือว่าพื้นที่กว้างขวาง สะดวกสบายพอตัวเลยนะ แอร์เย็นเจี๊ยบตั้งแต่เข้ามา เตียงใหญ่ เบาะนุ่ม มีกาต้มน้ำ ทิชชู่ ร่ม ถุ้งผ้า ปลั๊กไฟมีครบทั้งหัวเตียง และบริเวณรอบ ๆ

ด้านในเต็นท์โดม เตียงใหญ่ อุปกรณ์ครบ นอนมองวิวสวนสบาย ๆ

มีเก้าอี้ พร้อมของตกแต่ง เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้สบาย มองออกไปด้านนอกเป็นมุมสวนสนามหญ้าของที่พัก สบายตาสุด ๆ แถมด้านบนโดมสามารถเปิดที่ล็อคผ้า เพื่อที่จะนอนดูดาวได้ด้วย

มุมถ่ายรูปยอดฮิตภายในเต็นท์โดม ถ่ายตอนเช้าตอนแสงเข้ามาในเต๊นท์ สวยเหมาะกับลงสตอรี่คูล ๆ

ต้นไม้ใหญ่กลางสวน อีกหนึ่งมุมที่สวยสะดุดตา

ถ้าเราเดินมาจาก reception จะมีสะพานทอดยาวมาจนถึงที่ทานอาหารส่วนกลาง และสามารถเดินต่อไปยังที่พักได้

แต่ถ้าเราหันขวามาก็จะเจอกับวิวอลังการแบบนี้ ที่เราเห็นไกล ๆ เป็นที่พักแบบ Little English Cottage มีแค่ 3 หลัง บรรยากาศวิวกว้างพร้อมสระน้ำ ส่วนตัวสุด ๆ ไปเลยจ้า

โอ้ลาลา แกลมปิ้ง อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าพักได้

ใครอยากพาน้องหมา น้องแมว มาเปลี่ยนบรรยากาศ วิ่งเล่นบนสนามหญ้ากว้าง ๆ ที่นี่เหมาะมาก น้องอาจได้ทำความรู้จัก เจอเพื่อนต่างพันธุ์ด้วย

สำหรับลูกค้าที่พักเต็นท์โดมต้องเดินมาเข้าห้องน้ำ และอาบน้ำส่วนกลาง บริเวณแถวห้องครัว โดยเต็นท์โดมที่ 7 หรือชื่อ Maxican Sage จะอยู่ใกล้ห้องน้ำที่สุดไม่ต้องเดินไกล

ใกล้พลบค่ำ เราสามารถเปิดไฟจากในเต็นท์ได้เอง ส่วนอาหารเย็นแนะนำว่าให้ซื้อเข้ามา หรือจองไว้กับที่พัก เนื่องจากทางเข้าออกเป็นถนนลูกรังระยะค่อนข้างไกลจากถนนหลัก แต่ที่ถนนหลัก ปากซอยก่อนเข้ามา Oh la la glamping มี 7-11 และพอมีร้านอาหารอยู่บ้าง

มองจากด้านนอกเข้าไปภายในเต็นท์ที่พัก (ปิดม่านได้เพื่อความเป็นส่วนตัว)
บรรยากาศช่วงเย็นที่โอ้ลาลา เขาใหญ่

ตอนกลางคืนในหน้าฝน เขาใหญ่ มีลมโกรกตลอดเวลา อากาศไม่ได้เย็นมาก แต่ก็ไม่ร้อนเท่ากรุงเทพ งงไหม ? ฮ่า ๆๆๆ

เต็นท์โดม 2 หลัง อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่ Oh la la glamping

แต่ถ้ามองไปบนท้องฟ้า จะเห็นดาวชัดมาก ใครชอบถ่ายภาพต้องปลื้มแน่นอน พกขาตั้งกล้องมาด้วย รับรองว่าได้รูปดาวสวย ๆ กลับไปฝากเพื่อน ๆ แน่นอน

หิวแล้ว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า โดยมื้อเย็นเราได้จองไว้กับที่พักในราคา 600 บาท สำหรับ 2 คน โดยแพ็คเกจช่วงที่เราไปพักจะได้ อาหารจานหลัก 1 ชุด (เลือกได้ระหว่าง BBQ กับหมูกระทะ) + ค๊อกเทล 2 แก้ว

นี่คือาหารของเราในมื้อนี้ ทั้งหมดนี่คือกินกัน 2 คน มีแอบเปรียบเทียบกับหมูกระทะ คือ เราเห็นหมูกระทะได้ปริมาณที่ค่อนข้างเยอะกว่า

สำหรับบาร์บีคิว และสเต๊ก 2 คน พร้อมค๊อกเทล 2 แก้ว เราว่าตรงนี้แพงไปหน่อยนะ กินไปบ่นไป นึกกับตัวเองว่ารู้แบบนี้น่าจะสั่งหมูกระทะดีกว่า สรุปไม่อิ่ม ต้องไปต้มมาม่าในห้องกินต่อ 5555

พอกลางคืนมองจากที่นั่งกินข้าวไปตรงที่พักโซน little english cottage สวยมาก

ช่วงมิถุนายน ถึงกรกฏาคมอาจมีฝนบ้าง แต่ช่วงที่เราไป โชคดีไม่เจอฝน แต่ก็เห็นฟ้าผ่าไกล ๆ เดาว่าฝนน่าจะตกในพื้นที่อุทยานเขาใหญ่

ชอบบรรยากาศรอบ ๆ ของที่พัก แบ่งเป็นสัดส่วน ไม่วุ่นวาย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในเต็นท์ครบถ้วน พนักงานก็บริการดี มีคน stand by ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ห้องน้ำเดินไกลไปนิด ใครฉี่ตอนกลางคืนบ่อย ลำบากหน่อยนะ

เมนูอาหารเช้ามีน้ำส้ม นมจืด น้ำเปล่า ข้าวต้ม แและไข่กระทะ เติมแบบไม่อั้น ไม่อิ่มสามารถขอเพิ่มได้ตลอด

ไข่กระทะ พร้อมสลัด และขนมปัง เติมได้ตลอด
บรรยากาศใต้ร่มไม้ในช่วงเช้า

อีกหนึ่งจุดที่คนรักธรรมชาติอย่างเราชอบมาก การจัดสวนที่นี่ใช้ต้นไม้หลากหลายชนิด แต่เข้ากันได้ดี ดูสบายตา ทั้งต้นไม้ใหญ่ หรือต้นไม้เล็ก ๆ และบริเวณที่พักดูสดชื่น มีสนามหญ้าเขียวขจีกว้างมาก และยังดูแลต้นไม้ได้ดีด้วย ประทับใจ

เพื่อความสวยของภาพ ทนร้อนได้เสมอจ้า
ทางเข้าออกที่พักเป็นถนนลูกรัง ระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร

สำหรับเขาใหญ่ยังมีที่เที่ยวอีกมาก ใครไม่รู้ว่าจะไปไหน แนะนำแวะไปกินอาหารจาก ตาวีฟาร์มเขาใหญ่ และปิดท้ายด้วยขนมที่ El Cafe คาเฟ่สุดฮอตในเขาใหญ่ หรือก่อนกลับกรุงเทพแวะไปเที่ยว Hao Khaoyai ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

Oh la la glamping เขาใหญ่ ที่พักเต็นท์เปิดใหม่ สวยสะอาด บรรยากาศดีเงียบสงบ เหมาะกับมานอนเปลี่ยนบรรยากาศก่อนลองไปแคมป์ปิ้งแบบจริงจัง

ช่องทางการติดต่อที่พัก

ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่ แวะชิมผักออร์แกนิค จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์

ถ้าพูดถึงร้านอาหารเขาใหญ่ เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงนึกภาพร้านอาหารที่วิวกว้างสุดสายตา ด้านหลังเป็นปราสาทสไตล์ยุโรปหลังใหญ่ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาใหญ่ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่เล็ก ๆ ในฟาร์มออร์แกนิคของอำเภอปากช่อง ตาวีฟาร์ม เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก และฟาร์มในสถานที่เดียวกัน บรรยากาศเงียบสงบ สบาย ๆ เป็นกันเอง เหมือนแวะมากินข้าวที่บ้านเพื่อน เหมาะกับคนที่รักธรรมชาติอย่างแท้จริง

ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่
บ้านเบาใจ กระท่อมกลางทุ่งที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้

การเดินทางไปยัง ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่ ถ้าไม่ใช่คนท้องที่ หรือไปเขาใหญ่บ่อยจะต้องหลงอย่างแน่นอน ฮ่า ๆ แนะนำให้ขับตาม GPS ไป รับรองว่าพาไปถูกชัวร์ พิกัด Google Maps ถนนหนทางค่อนข้างสะดวกสบาย จะมีแค่ทางเข้าไร่ตาวีฟาร์มที่เป็นถนนลูกรังเหมือนกับถนนในไร่ทั่วไป รถเก๋งเข้าได้สบายมาก

ด้านล่างเป็นคาเฟ่ โต๊ะทานอาหาร ส่วนด้านบนสามารถขึ้นไปทานอาหารได้เช่นกัน

ต้องบอกว่า GPS แม่นยำจริง ๆ พาเรามาถึงตาวีฟาร์ม ซึ่งบริเวณรอบ ๆ มีที่จอดรถยนต์รองรับเยอะอยู่ และอย่าลืมว่าใครที่คิดจะมากินอาหารที่นี่ ต้องโทรจองก่อนเท่านั้นที่เบอร์ 0874509473 คุณยุ้ย เนื่องจากที่ร้านทำอาหารกันแบบโฮมเมด ผักที่นำมาปรุงอาหารก็ปลูกเองแบบออร์แกนิค

ช่วงวันหยุด และเสาร์อาทิตย์ คนจะเยอะนิดนึง ส่วนวันธรรมดาทางร้านแจ้งว่าจะรับลูกค้าน้อย เนื่องจากต้องดูแลผักที่ปลูกไว้ด้วย ใครที่อยากเป็นส่วนตัว แนะนำวันธรรมดาเลยจ้า แต่เราไปวันเสาร์ โทรจองช่วงเช้า ก็ยังได้คิวอยู่นะ

ส่วนนี้จะเป็นร้านอาหารและคาเฟ่เครื่องดื่ม ทางร้านจะจัดที่นั่งที่เราจองคิวไว้ พอไปถึงร้านก็พาเราไปนั่ง และต้อนรับอย่างอบอุ่น และเป็นกันเอง ส่วนอาหารด้านหลังเป็นบ้านเบาใจ ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งกินอาหารสบาย ๆ ในหน้าฝน

ด้านล่างมีขนม ของฝาก น้ำสลัด และน้ำสกัดเย็นขายติดไม้ติดมือเป็นของฝาก

บรรยากาศในช่วงเที่ยงครึ่ง ผู้คนกำลังทยอยเดินทางมาที่ร้าน ตอนเราไปโชคดียังไม่มีคนมากนัก แต่พอถ่ายภาพนี้ได้รูปเดียว ลูกค้าก็เข้ามานั่งกันเพียบ เชื่อแล้วว่าก่อนเข้ามา ต้องจองจริง ๆ 55555

โซนคาเฟ่มีเครื่องดื่มเหมือนคาเฟ่ทั่วไป ชา กาแฟ น้ำโซดาต่าง ๆ ชอบคอนเซ็ปต์ของที่นี่ “กาแฟที่ดีที่สุดสำหรับเรา คือกาแฟที่เราชอบ” โดนใจใช่เลย

เราเห็นเหมือนกันทุกโต๊ะที่มีลูกค้า พี่พนักงาน (ขออภัยที่เราจำชื่อไม่ได้ แต่บริการดีมากเลย) จะถามว่าเราเคยมาที่ตาวีฟาร์มมาก่อนไหม และเอาป้ายนี้มาบอกความแตกต่างของน้ำสกัดเย็น 4 สูตร 4 สี แก้วละ 75 บาทเท่ากันหมด

ระหว่างเลือกเมนู (คลิกเพื่อดูเมนูทั้งหมด) ทางร้านเสิร์ฟของทานเล่นอย่างหนังปลาแซลมอน และกล้วยอบ ที่ไม่ใส่เนย ไม่ใส่น้ำตาล มาที่นี่เราจะได้กินอะไรที่ออร์แกนิคจริง ๆ

Welcome note สิ่งเล็ก ๆ ที่ทางร้านใส่ใจ และทำให้ผู้มาเยือนครั้งแรกอย่างเราประทับใจ ที่น่าทึ่งอีกอย่าง คือ ทุกอย่างที่นี่เขาจะเป็นแบบโฮมเมดหมดเลย แม้กระทั่งเมนูอาหารก็เขียนเองหมด อยากถามว่าพี่ไม่เมื่อยมือบ้างหรอ ฮ่า ๆ

มุมของฝากมีทั้งกล้วยฉาบ หนังปลาแซลมอน ที่เราได้กินเป็นออร์เดิร์ฟไปเมื่อสักครู่ รวมไปถึง น้ำสลัดตาวี เรียกได้ว่าทั้งหมดที่เราได้เห็น เป็นผลผลิตจากที่ตาวีฟาร์มทั้งนั้น

ทางร้านเล่าให้เราฟังคร่าว ๆ ว่าวิธีการทำน้ำสกัดเย็น เป็นการบีบอัดแยกน้ำออกจากผักผลไม้ด้วยอุณหภูมิปกติ นั้นทำให้เอนไซต์ยังมีชีวิตอยู่ โดยเวลาดื่ม ให้เราค่อย ๆ ดื่ม ช้า ๆ และควรดื่มในตอนที่กำลังเย็น ๆ อยู่

คุณค่าของน้ำสกัดเย็นหนึ่งแก้ว เท่ากับผักผลไม้ 500 กรัมเลยทีเดียว เราเลือกเป็นสูตรสีเหลือง (เพราะณเดชน์ชอบ) และสีเขียว (คิมเบอร์ลีชอบ) เลยอยากลองเป็นพระเอก นางเอกดูกับเขาบ้าง เราว่าสีเขียวดื่มง่ายดี ไม่รู้สึกว่ากินน้ำผักเลยสักนิด ส่วนสีเหลืองกลิ่นขิงจะเด่นออกมานิดนึง ถ้าไปกันหลายคน แนะนำให้สั่งมาลองทุกสีเลย รับรองว่าต้องติดใจสักแก้วล่ะ

หมี่ชะอมกุ้งสด 180 บาท อ่านชื่อแล้วแปลกใจใช่ไหมล่ะ? เมนูนี้ปกติที่เราเห็นทั่วไปจะใส่กระเฉด แต่ที่ร้านตาวีฟาร์มใส่เป็นชะอมแทน จริง ๆ สัมผัสการเคี้ยวก็ไม่ได้ต่างกันมาก ที่ต่างน่าจะเป็นเรื่องของกลิ่นผักซะมากกว่า

หมี่ชะอมกุ้งสด (Stirred fried rice noodles with cha-om and Shrimps)

รสชาติออกนัว ๆ กลาง ๆ กลมกล่อมกำลังดี กินแล้วรู้สึกว่าอยากกินต่อเรื่อย ๆ ที่สำคัญเลย คือ ผักสดมากจริง ๆ หวานกรอบ ไม่มีกลิ่น เชื่อว่าคนที่เพิ่งเริ่มกินผัก สามารถกินได้สบาย ๆ ของเขาดีจริง ๆ

เมนูต่อมาแปลกกว่าเมนูก่อนหน้าแน่ ฮ่า ๆ แกงส้มทูน่ากุ้งสด ไข่เจียวเคล 220 บาท เขียนรีวิวไปหิวไปเลยเนี่ย แกงส้มใช้เครื่องแกงจากแปลงผักพื้นบ้าน เบบี้คอสเพิ่มความกรอบ น้ำแกงใช้ปลาทูน่า ไข่เจียวอวบเต็มไปด้วยผักเคล โดยในเซตนี้ได้ทั้งแกงส้ม ไข่เจียว และข้าวสวย (โรยงาดำ)

นอกจากจุดเด่นที่ใช้ผักสด ๆ ปลอดสารพิษจากฟาร์มแล้ว การจัดจานก็เสิร์ฟมาสวยงาม น่ารับประทานไม่แพ้กัน

บอกตามตรงเรายังไม่เคยกินไข่เจียวใส่ผักเคลมาก่อนเลย ยัดไส้ผักเคลมาแน่นแทบไม่มีช่องว่าง ส่วนน้ำแกงส้มจะออกเปรี้ยวนำ ใส ๆ ไม่ข้น ได้กลิ่นทูน่าเบาเบา และมีเบบี้คอสในน้ำแกงส้ม ช่วยเพิ่มความกรุบกรอบได้ดี โดยรวมแล้วเป็นชุดที่คุ้มค่าอยู่นะ ได้ทั้งแกงส้ม ไข่เจียว และข้าวสวย พร้อมผักสด ๆ จากเกษตรอินทรีย์ ไม่ใส่สารเคมีแต่อย่างใด (ทุกเมนูไม่ใส่ผงชูรส 100% และใช้น้ำมันหมู)

บรรยากาศ ตาวีฟาร์ม เขาใหญ่

บรรยากาศภายในบ้านเบาใจ

ด้วยความที่เป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ในแบบฉบับโฮมเมด โต๊ะจึงไม่ได้มีรองรับแขกเยอะมากนัก ถ้าจะเข้ามา แนะนำโทรมาจองก่อนดีที่สุด

เหมือนมากินข้าวบ้านญาติ บ้านเพื่อนจริง ๆ พนักงานทุกคนเป็นมิตร ถึงแม้วันที่เราไป ลูกค้าจะเยอะก็ตาม แต่เรารู้สึกได้ถึงความใส่ใจของผู้คนที่นี่ บรรยากาศสบาย ๆ เรียบง่าย โดยส่วนตัวถือว่าต่อการเดินทางมาที่นี่ (เพราะค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่พอสมควร)

ใครที่ชอบถ่ายรูป ก็มีมุมสวย ๆ ได้อารมณ์แบบมาสัมผัสธรรมชาติ และวิถีชาวไร่อย่างแท้จริง

บ้านไม้ยกพื้นสูง มีใต้ถุนบ้านเอาไว้นั่งเล่น

ช่วงนี้ผู้คนแวะเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนหนึ่งก็ตามรอยละคร มนต์รักหนองผักกะแยง ที่ณเดชน์และโบว์เมลดาเล่นนั่นเอง เพราะช่วงนี้ละครเพิ่งจบไปไม่นาน

บริเวณรอบ ๆ ปลูกผักสวนครัว หลังจากอิ่มกับอาหารแล้ว สามารถเดินดูได้ทั่วฟาร์มเลย ซึ่งนอกจากคาเฟ่ และร้านอาหารแล้ว ตาวีฟาร์มเขาใหญ่ ยังมีที่พักให้บริการอีกด้วย ถ้าใครสนใจเข้าพัก สามารถสอบถามรายละเอียดได้ด้านล่างรีวิวเลยจ้า

พื้นที่หน้าคาเฟ่ สามารถนั่งรอ หรือทานอาหารได้

ผักสดกรอบจากฟาร์มออร์แกนิค ปลอดสารเคมี น้ำสกัดเย็นรสชาติดี ดื่มง่าย ท่ามกลางบรรยากาศชาวไร่กลางเขาใหญ่

ช่องทางการติดต่อ

El Cafe Khaoyai คาเฟ่มินิมอล วิวพาโนรามา กลางเขาใหญ่

คาเฟ่น่านั่ง El Cafe Khaoyai

ช่วงนี้กักตัว หรือทำงาน WFH อยู่บ้านเบื่อกันบ้างไหม อยากไปเที่ยวก็ไปไหนไม่ได้ไกล มีแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่เสาร์อาทิตย์ เราขอแนะนำ El Cafe เขาใหญ่ คาเฟ่เปิดใหม่ วิวหลักล้าน เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 1.30 – 2 ชั่วโมง ก็ได้มาผ่อนคลายกับบรรยากาศสดชื่น เต็มไปด้วยธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง

ระยะทางจากปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มาถึงเอลคาเฟ่ ประมาณ 1.4 กิโลเมตรเท่านั้น

El Cafe Khaoyai แน่นอนว่าก็ต้องอยู่เขาใหญ่! แต่อยู่ส่วนไหนของเขาใหญ่กันน้า เราขอบอกเลยว่าอยู่ใกล้กับทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลยจ้า ใครไปไม่ถูกจิ้ม Google Maps ตามนี้ได้เลย

ขับรถเข้ามา รู้สึกได้เลยว่าที่นี่เป็นคาเฟ่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนคาเฟ่อื่น ๆ เพราะด้วยที่ตั้งของคาเฟ่ที่ต้องขับรถเข้ามาจากถนนใหญ่มาประมาณ 500 เมตร ทำให้รู้สึกเหมือนเข้ามาเที่ยวคาเฟ่ในป่า บรรยากาศรอบ ๆ คือ รู้สึกได้ถึงความสดชื่นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้

บรรยากาศด้านในคาเฟ่ El Cafe Khaoyai เป็นคาเฟ่สีขาวตัดกับสีน้ำตาล ขนาดย่อม ๆ เน้นให้คนไปดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบ ๆ คาเฟ่มากกว่า และเราแอบเห็นข้าง ๆ กันมีส่วนที่กำลังก่อสร้างใหม่ด้วย ต้องแวะมาดูคราวหน้าแล้วว่าจะเป็นอะไร อิอิ

เมนูขนม และเครื่องดื่ม (ไม่มีของคาว) สังคมไร้เงินสด แสกนจ่ายด้วย QR ได้สบาย ๆ เมนูเด่น ๆ ก็เห็นจะมีกาแฟลาเต้ + ไซรัปท๊อฟฟี่นัท รวมไปถึงกาแฟลาเต้ + ไซรัปกุหลาบ และส้มยูซุเกาหลี + อเมริกาโน่ ส่วนใครที่ไม่ใช่สายกาแฟ เมนูแนะนำมีไซรัปกุหลาบผสมกับไซรับมิกซ์เบอร์รี่โซดา และส้มยูซุแท้จากเกาหลีผสมโซดา ท็อปด้วยน้ำอัญชันสีสดใส เมนูไหนก็น่ากิน น่าถ่ายรูปทั้งนั้น! (ดูเมนูร้าน El Cafe Khaoyai ทั้งหมดได้ที่นี่)

ส่วนเมนูขนมอาจมีให้เลือกไม่มากนัก เช่น ครัฟเฟิล วาฟเฟิล ฮันนี่โทสต์ และครัวซองต์ รวมไปถึงเค้กประจำวัน

เราลองสั่งครัฟเฟิล (Cruffle Almond 120 บาท) ซึ่งเป็นแป้งครัวซองต์ที่เอาไปอบในเตาวาฟเฟิล ได้ความรู้สึกกรอบนอกนุ่มในเหมือนครัวซองต์ผสมวาฟเฟิล และน้ำส้มยูซุแท้จากเกาหลีผสมโซดา ท็อปด้วยน้ำอัญชัน (Butterfly Yuza Sparkling 110 บาท)

Butterfly Yuza Sparkling

ใครที่ไม่ใช่สายกาแฟต้องลองพวกน้ำโซดาของร้านนี้ รับรองว่าขับรถมาไกล ๆ สดชื่นหายง่วงแน่นนอน

Single Cruffle Almond

ครัฟเฟิล ลูกครึ่งระหว่างวาฟเฟิล และครัวซองต์ แนะนำให้กินตอนร้อน ๆ ด้านนอกมีความกรอบนิด ๆ ตามสไตล์วาฟเฟิล ส่วนด้านในมีความหนึบหนับตามแบบฉบับของครัวซองต์ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ร้านนี้เขาจะมีราดไซรัปเยิ้ม ๆ เพิ่มรสชาติเข้ามาด้วย ตอนกินอาจเหนียวมือนิดหน่อย ฮ่า ๆ แต่ถ้าใครอยากกินแบบใส่จานก็มีเป็นเซตให้เลือกด้วยนะ

บรรยากาศ El Cafe Khaoyai

เนื่องจากเราเดินทางไปวันธรรมดา คนเลยไม่เยอะมากนัก เห็นทางร้านบอกวันเสา อาทิตย์ คนค่อนข้างเยอะ เพราะกำลังเป็นร้านที่อยู่ในกระแสตอนนี้ เราแนะนำให้ไปช่วงบ่าย 4 โมงเป็นต้นไป อากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป เพราะเขาใหญ่ช่วงกลางวันก็แดดแรงไม่แพ้กรุงเทพนะ

มุมกระจกบานใหญ่หน้าคาเฟ่ อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของร้านเอล คาเฟ่

ร้านจัดโซนที่นั่งค่อนข้างดี แบ่งกัน กระจายตามจุดต่าง ๆ ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป นั่งสบาย ชิว ๆ ยาว ๆ ได้เลย

วิวฝั่งตรงข้ามร้านนี้ก็สุดยอดอย่าบอกใคร เพราะเป็นที่ตั้งของโครงการบ้าน Creton hills ที่ล้อมรอบด้วยทิวเขา และด้านหน้าเป็นทะเลสาบ

ทุ่งดอกไม้สีม่วงด้านหน้า เข้ากับตัวร้านได้ดีทีเดียว เหมาะกับมาถ่ายรูปเช็คอินสวย ๆ ชิค ๆ แถมยังมีผีเสื้อบินเล่นไปมาให้ได้ประทับใจอีกด้วย

คาเฟ่เขาใหญ่ที่เงียบสงบ วิวกว้างสวยแบบสุดลูกตา เหมาะกับวันพักผ่อนไม่เร่งรีบ มุมถ่ายรูปเยอะ และนำสัตว์เลี้ยงเข้าได้

ช่องทางการติดต่อ